สวดมนต์ทําไม
การสวดมนต์เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อฝึกสติละกิเลส ทําใจให้สงบ เพราะการระลึกถึง
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และการเจริญเมตตา จัดเป็นสมถภาวนา คนที่มีใจ
สงบย่อมจะอยู่เป็นสุข มีสติกับสิ่งที่กําลังทําอยู่ว่าเรากําลังทําอะไร ไม่ประมาททําด้วยความพลั้งเผลอ
มีผลวิจัยทางการแพทย์กล่าวว่า การนั่งกรรมฐานหรือสวดมนต์เพียง ๒๐ นาทีทําให้
ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขคือเอนดรอฟีนและอื่นๆ ๖๐ กว่าชนิดได้ถือว่ามีผลเทียบเท่า
การออกกําลังกาย ๑ ชม.
นอกจากนั้น การสวดมนต์ยังส่งผลให้การปฏิบัติวิปัสสนาเป็นไปได้ง่าย เพราะ
วิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้นได้เมื่อจิตสงบแล้วเท่านั้น
ในขณะสวดมนต์เราได้อบรมอินทรีย์๕ ไปพร้อมกัน คือ
๑. ศรัทธา เราต้องอาศัยศรัทธาในพระรัตนตรัย จึงจะสวดมนต์ได้คนที่ไม่มี
ความเชื่อมั่นเลื่อมใสในพระรัตนตรัยย่อมไม่อาจสวดมนต์ได้
๒. วิริยะ เราต้องอาศัยวิริยะ จึงจะสวดมนต์ได้ถ้าเราไม่อาศัยวิริยะก็สวด
มนต์ไม่ได้เพราะความเกียจคร้านมักครอบงําจิตอยู่เสมอ
๓. สติ เรามีสติอยู่กับคําสวดมนต์ไม่พลั้งเผลอ
๔. สมาธิ เรามีจิตตั้งมั่นอยู่กับการสวดมนต์
๕. ปัญญา เรารู้ความหมายของบทสวดมนต์เพราะสวดคําแปลไปพร้อมกัน
ทําให้ใจของเราซึมซับกระแสธรรมทีละน้อย
เมื่อเราสวดมนต์ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เราจะรู้สึกอิ่มใจ เกิดปีติโสมนัสและความสงบสุขทางใจ
อีกทั้งยังสามารถอุทิศส่วนบุญที่ได้รับจากการสวดมนต์ไปให้แก่ผู้ล่วงลับได้อีกด้วย เพราะ
การสวดมนต์นับเข้าในภาวนาอันเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ กว่าทานและศีล เนื่องจากสามารถข่มนิวรณ์ได้
สรุปได้ว่า เราสวดมนต์เพื่อประโยชน์เหล่านี้คือ
๑. แสดงความเคารพบูชาพระรัตนตรัยอันเป็นรัตนะทรงค่าที่สุดในโลก
๒. อบรมจิตให้สะอาด สงบ สว่าง
๓. ได้รับปีติโสมนัสและความสุขใจที่เกี่ยวกับพระรัตนตรัยและเมตตา
๔. เสริมสร้างสติปัญญา
๕. ทําให้จิตประณีตและมีคุณธรรม
๖. เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
๗. ฝึกจิตให้มีคุณค่าและมีอํานาจ
๘. ทําให้มีความเห็นถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา
๙. เท่ากับได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแม้พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
๑๐. เป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ที่อบรมไว้ในสมถภาวนา
๑๑. อุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ
๑๒. ทําให้ร่างกายสดชื่น มีสุขภาพดี
พระคันธสาราภิวงศ์