การเกิดในภพใหม่

การเกิดในภพใหม่

ทุกคนมีกิเลสที่ทําให้ต้องเวียนตายเวียนเกิด คือ ตัณหา เปรียบได้กับรากไม้ถ้ารากไม้ยังมั่นคง ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ จนกว่ารากไม้จะถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง

กรรมคือบุญบาปที่ทําไว้มีตัณหาเป็นมูลเหตุจะส่งผลให้เราต้องเวียนตายเวียนเกิดตามแรงกรรม ขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายเราน้อมจิตไปในบุญหรือบาป

สิ่งที่เวียนตายเวียนเกิดนั้น คือ รูปนาม ไม่ใช่วิญญาณหรืออาตมัน เพราะพระพุทธเจ้าสอนสภาวธรรมหรือปรมัตถ์คือรูปนาม ไม่มีวิญญาณที่เวียนตายเวียนเกิด

แม้เราจะไปเกิดใหม่ ก็ไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่เกิดใหม่ขึ้นมา คนใหม่นั้นสืบทอดมาจากเราด้วยแรงกรรม ดังนั้น จึงถือว่าไม่ใช่คนเดิม และไม่ใช่คนใหม่จริงๆ แต่เป็นคนใหม่ที่สืบเนื่องมาจากคนเดิม

ในคัมภีร์อรรถกถาเปรียบว่า เหมือนเสียงสะท้อนที่เกิดมาจากเสียงเดิม แต่ไม่ใช่เสียงเดิม หรือเหมือนเปลวประทีปที่มาจากเปลวเก่า แต่เป็นเปลวใหม่ หรือเหมือนตราประทับที่สืบทอดมาจากตราเก่านั้นเอง

คนทุกคนทําทั้งความดีและความชั่ว เราเกิดมาชาติหนึ่ง ไม่มีใครทําดีอย่างเดียว หรือทําชั่วอย่างเดียว แต่ทําทั้งสองอย่างคละกันไป อย่างไรก็ตาม เราควรทําดีให้เป็นอาจิณ เรียกว่า อาจิณณกรรม เป็นกรรมที่มักส่งผลให้ในเวลาใกล้ตายมากกว่าอาสันนกรรม คือ กรรมที่ทําในเวลาใกล้ตาย

ในอังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“กรรมเหมือนไร่นา วิญญาณ (ปฏิสนธิจิต) เหมือนเมล็ดพืช ตัณหาเหมือนความชุ่มชื้นในนา”

ดังนั้น กรรมจึงเป็นแหล่งกําเนิดของปฏิสนธิจิต โดยอาศัยตัณหาที่เหมือนความชุ่มชื้นในนา เพื่อให้เมล็ดพืชคือปฏิสนธิจิตงอกงามได้

เรื่องการเวียนตายเวียนเกิดนี้มีหลักฐานของคนระลึกชาติได้มากมาย ทั้งเป็นคนนับถือศาสนาอื่นนอกจากศาสนาพุทธก็มีบ้าง คนเหล่านั้นระลึกชาติได้เพราะไปอยู่ในสถานที่เก่าที่ตนเคยอยู่มาก่อน ทําให้สัญญาเก่ากลับคืนมา

ท่านอาจารย์โชติกะแห่งประเทศเมียรม่าร์กล่าวไว้ในธรรมบรรยายภาษาอังกฤษว่าครั้งนี้มีโยมคนหนึ่งมาหาท่านที่จังหวัดเปียนมะนา โยมคนนี้เป็นชาวคริสเตียน อยู่ที่จังหวัดตองอู(พม่าเรียกว่า ตองงู) ตระกูลของเขาเป็นชาวคริสต์มาหลายชั่วอายุคน เขามีแม่คนหนึ่งที่ชรามากแล้ว ต่อมาแม่ของเขาป่วยเสียชีวิตลง

หลังจากแม่เสียชีวิตแล้วหลายเดือน วันหนึ่งเขาไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้านของเพื่อน ในขณะกําลังพูดคุยกันนั้น เด็กชายอายุราว ๙-๑๐ ขวดลุกขึ้นทําท่าเหมือนผู้ใหญ่ แล้วพูดอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่เข้าใจ

เขาก็แปลกใจ เดินเข้าไปหาเด็กชาย เด็กชายทําท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ แล้วพูดเสียงผู้หญิงแก่ๆ คล้ายๆ เสียงแม่ของเขา ทําให้เขาตกใจ พอตั้งใจฟังก็ได้ยินเสียงพูดว่า

“ภพชาติหลังการตายมีจริง ขอให้เจ้าปฏิบัติธรรม”

เขาแน่ใจว่าเสียงนั้นเป็นเสียแม่ของเขาที่เสียชีวิตแล้ว จึงหันมานับถือศาสนาพุทธ มีคนแนะนําให้เขาไปหาท่านอาจารย์โชติกะ เขาจึงมาหาเพื่อถามเรื่องธรรมะ เพราะเป็นชาวคริสต์ที่ไม่เคยรู้เรื่องธรรมะมาก่อนเลย

มีเรื่องระลึกชาติแปลกๆ ในพม่าเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน คือ มีอุบาสกคนหนึ่งอยู่เมืองย่างกุ้ง เขาสร้างศาลาถวายพระเจดีย์ชเวดากองเป็นพุทธบูชา มีพระพุทธรูปประดิษฐานและอื่นๆ ครบถ้วน

ต่อมาเขาป่วยหนักใกล้เสียชีวิต ตอนนั้นมีเพื่อนของเขาบางคนกลับจากลอนดอน คุยกันข้างๆ คนป่วยว่าลอนดอนเจริญรุ่งเรือง สวยงามเหมือนในสวรรค์เขาก็ยึดเอาเมืองลอนดอนเป็นอารมณ์ในเวลาใกล้เสียชีวิต

พอเสียชีวิตลงก็ไปเกิดเป็นฝรั่งในบ้านเศรษฐีแห่งหนึ่งในลอนดอน พอโตขึ้นก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาตามแบบฝรั่ง ด้วยกรรมเก่าที่เคยทําไว้ทําให้เขามีเพื่อนเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตพม่าในลอนดอน และเขาก็อยากไปเที่ยวพม่ามาก

ต่อมาเมื่ออายุเกิน ๒๐ ปีเขามีโอกาสไปพม่า จึงนั่งเรือสําเภามา แต่ในจิตขอเขา

เหมือนกับเห็นศาลาที่มียอดสูงๆ อยู่เสมอ พอไปถึงพระเจดีย์ชเวดากองแล้ว ก็จําศาลาที่ตนเองสร้างถวายไว้จึงรีบเดินเข้าไปข้างใน

ขณะนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งกําลังถวายน้ําพระพุทธเจ้าอยู่และลูกชายของเขาก็อยู่ใกล้ๆเขาจําลูกชายได้ทันทีและสามารถพูดภาษาพม่าออกมาได้อย่างชัดเจนว่า

“ลูกเอ๋ย ทําไมเจ้าไม่ถวายน้ําพระพุทธเจ้าด้วย”

เขาพูดภาษาพม่าได้เพียงประโยคเดียว ก็รู้สึกตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมสติได้ต้องเป็นลมสลบไปทันทีเพื่อนๆ ของเขาก็รีบพาไปโรงพยาบาล โดยคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว แต่เขาบอกหมอว่า ผมไม่ได้บ้า ขอให้เรียกลูกชายมา แล้วผมจะพิสูจน์ตัวเอง

เขาพูดผ่านล่ามบอกลูกชายว่า ในฐานพระพุทธรูปในศาลาหลังนั้น มีอิฐก้อนหนึ่งที่ฉันไม่ได้ปิดตายไว้ขอให้แกะเอาอิฐออก มีเงินจ๊าดอยู่ ๔๐,๐๐๐ จ๊าด และของมีค่าหลายอย่างฝังเก็บอยู่ในนั้น

ลูกชายเขาก็แกะอิฐออกดูพบสิ่งของที่เขาบอกไว้ทุกประการ จึงเชื่อว่าเขาเป็นพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ

หลังจากนั้นเขาเรียกแม่จากอังกฤษให้มาพบพระพุทธศาสนา แล้วออกบวชที่พระเจดีย์แห่งหนึ่งในจังหวัดย่างกุ้ง แล้วเรียนรู้ภาษาพม่าไปด้วย ประวัติของเขาจบเพียงเท่านี้ไม่ทราบว่าเขาออกบวชตลอดชีวิต หรือว่าบวชชั่วคราวแล้วลาสิกขากลับไปอังกฤษ

เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ชีวิตหลังการตายมีจริง และในขณะใกล้ตาย ถ้าเรายึดสถานที่ใดเป็นอารมณ์ก็จะไปเกิดในสถานที่นั้นตามอารมณ์ที่เรายึดไว้บางคนก่อนตายคิดถึงสุนัขว่ากินดีกว่าคน พอตายแล้วก็จะไปเกิดเป็นสุนัข ดังเรื่องนายกุมภโฆสกที่กล่าวไว้ในอรรถกถาธรรมบท

พระคันธสาราภิวงศ์